เยื่อบุตาอักเสบ อาการตาแดงที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ต้องรีบป้องกัน

โรคติดต่อทางการสัมผัสอย่าง เยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า โรคตาแดง ที่ใครหลายคนกลัว ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด หากรู้จักป้องกันให้ถูกวิธี แล้วรู้กันไหมว่า การอักเสบที่เยื่อบุตา สามารถแบ่งออกได้ถึง 3 ประเภท โดยลักษณะอาการจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุที่เกิด อ่านบทความนี้ เรียนรู้ถึงสาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน เพื่อห่างไกลโรคเยื่อบุตาอักเสบ

สารบัญบทความ

    เยื่อบุตาอักเสบ คืออะไร

    อาการเยื่อบุตาอักเสบ คืออะไร
    ขอบคุณรูปภาพจาก : www.aao.org

    โรคเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของโรค ‘ตาแดง’ คือ อาการตาอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุตาขาว ทำให้บริเวณตาขาวเป็นสีแดง ซึ่งเป็นโรคตาที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายและรวดเร็ว ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น การไอจาม โดยไม่ปิดปากหรือปิดจมูก การใช้เครื่องสำอาง และสิ่งของต่าง ๆ ร่วมกัน 

    ลักษณะอาการเยื่อบุตาอักเสบ

    ลักษณะอาการเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) หรือตาแดง คือ เยื่อบุตาขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง เยื่อบุตาบวม เกิดความรู้สึกระคายเคืองตา รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในดวงตา น้ำตาไหลมากผิดปกติ มีขี้ตาเหลือง และเหนียว รวมถึงเยื่อบุตาอักเสบ อาจมีอาการตาไม่สู้แสงร่วมด้วย โดยลักษณะอาการจะแตกต่างไปตามสาเหตุการเกิด

    สาเหตุการเกิดตาอักเสบ

    เยื่อบุตาอักเสบ เกิดจากอะไร
    ขอบคุณรูปภาพจาก : www.thenjeye.com

    สาเหตุเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) สามารถแยกออกได้ทั้งหมด 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อ และ เยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้

    เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อ

    • เยื่อบุตาอักเสบจากแบคทีเรีย นอกจากจะทำให้เกิดอาการตาแดง เจ็บตาแล้ว มักก่อให้เกิดขี้ตาสีเหลือง เหนียวเกาะบริเวณขอบเปลือกตา ทำให้ยากต่อการเปิดปิดตา ตาติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัส และสามารถเกิดขึ้นกับดวงตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง 
    • เยื่อบุตาอักเสบจากไวรัส ก่อให้เกิดอาการตาอักเสบแดงมีขี้ตา น้ำตาไหล ตาแฉะ ขี้ตาเหลว รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในดวงตา อีกทั้งสามารถเกิดขึ้นร่วมกับอาการไข้ และเจ็บคอ โดยเยื่อบุตาอักเสบชนิดนี้ สามารถแพร่กระจาย และติดต่อได้ผ่านการสัมผัส มักเกิดขึ้นกับดวงตาหนึ่งข้าง และแพร่กระจายไปอีกข้าง
    • เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น Chlamydia และเชื้อปรสิตที่ปนเปื้อนจากน้ำอย่าง Acanthamoeba และ Microsporidia เป็นต้น

    เยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้

    เยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้ ก่อให้เกิดอาการตาแดง คันตา น้ำตาไหล เปลือกตาบวม ขี้ตาเป็นเมือก โดยอาการแพ้สามารถเกิดได้จากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น

    • จากการแพ้ฝุ่นละออง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้
    • จากสิ่งแปลกปลอม เช่น คอนแทคเลนส์ 
    • จากการแพ้ยาหรือสารเคมี

    อาการแทรกซ้อนของเยื่อบุตาอักเสบ

    อาการตาอักเสบที่เยื่อบุตาขาว สามารถส่งผลกระทบต่อการมองเห็น อาจทำให้การมองเห็นเกิดตาพร่ามัว ตาแพ้แสง ทั้งนี้ กรณีที่อาการของเยื่อบุตาอักเสบไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุ และรับการดูแลรักษาเยื่อบุตาอักเสบก่อนเกิดอาการผิดปกติที่รุนแรง

    ใครเสี่ยงต่อการเป็นเยื่อบุตาอักเสบ

    ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเป็นตาอักเสบหรือโรคเยื่อบุตาอักเสบ ? 

    • ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนหนาแน่น 
    • ผู้ที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นเยื่อบุตาอักเสบ
    • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
    • ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ
    • ผู้ที่ทำงานในพื้นที่ที่มีฝุ่นควัน มลภาวะหรือทำงานที่เพิ่มความเสี่ยงต่อเชื้อโรคเข้าตา

    การวินิจฉัยโรคเยื่อบุตาอักเสบ

    การตรวจวินิจฉัยเยื่อบุตาอักเสบเบื้องต้น สามารถสังเกตได้จากอาการที่แสดง เช่น อาการตาแดง มีขี้ตามาก และอื่น ๆ รวมถึงแพทย์จะทำการซักประวัติ ถามข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงตรวจตา เพื่อวินิจฉัยว่า อาการตาอักเสบหรือการมีโรคเยื่อบุตาอักเสบเกิดจากสาเหตุอะไร และจะสามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้

    แนวทางรักษาเยื่อบุตาอักเสบ

    โรคเยื่อบุตาอักเสบ เป็นโรคที่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ วิธีรักษาเยื่อบุตาอักเสบ จึงเป็นการรักษาตามลักษณะอาการที่เกิดขึ้น เช่น หากเป็นเยื่อบุตาอักเสบจากแบคทีเรีย แพทย์จะรักษาด้วยการให้ยาตามชนิดของเชื้อที่ติด หรือในกรณีที่มีอาการตาอักเสบ แพทย์จะจ่ายยาลดอาการอักเสบ 

    ส่วนเยื่อบุตาอักเสบที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัส สามารถหายได้ไปได้เองภายในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ สามารถใช้ยาหยอด เพื่อลดอาการบวม และอาการคันตา

    ส่วนที่เกิดขึ้นจากภูมิแพ้ รักษาได้ด้วยการทานยาแก้แพ้หรือบรรเทาอาการเยื่อบุตาอักเสบประคบเย็น หากมีอาการรุนแรง อาจมีการใช้ยาสเตียรอยด์ ทั้งนี้การใช้ยาชนิดนี้ จะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น และในกรณีที่เกิดจากการใช้คอนแทคเลนส์ จะต้องหยุดใช้คอนแทคเลนส์อย่างน้อย 2 สัปดาห์

     หากมีอาการเยื่อบุตาอักเสบมากกว่า 1 หรือ 2 สัปดาห์ ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจหาความผิดปกติ และรับการรักษาอย่างตรงจุด

    ส่วนใครต้องทำงานที่ต้องพบปะผู้คนจำนวนมาก ควรลางาน เพื่อรักษาอาการ และเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่อาจแพร่ไปยังคนอื่น ๆ ควรหยุดพักผ่อน งดการใช้สายตา และงดการใส่คอนแทคเลนส์จนกว่าอาการจะหายดี

    การป้องกันโรคเยื่อบุตาอักเสบ

    วิธีป้องกันตาแดง ตาอักเสบ

    เนื่องจากโรคเยื่อบุตาอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส สามารถแพร่กระจาย ติดต่อกันได้ง่าย และรวดเร็ว จากการสัมผัสหรือการใช้ของร่วมกัน จึงควรเรียนรู้วิธีป้องกัน ดังต่อไปนี้

    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณรอบดวงตา และการถูขยี้ตา เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อที่สามารถนำไปสู่โรคเยื่อบุตาอักเสบ และป้องกันการแพร่กระจายโรคจากดวงตาข้างหนึ่งไปสู่อีกข้างหนึ่ง
    • รักษาสุขอนามัยที่ดี หมั่นล้างมือด้วยสบู่เป็นประจำ ก่อนรับประทานอาหาร หลังไอ จาม ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้ และเมื่อต้องการไอหรือจาม ควรปิดจมูก ปิดปาก เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย
    • ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า เครื่องสำอาง น้ำยาหยอดตา ผ้าเช็ดแว่น หมอน และอื่น ๆ
    • หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เพื่อป้องกันการเกิดโรคเยื่อบุตาอักเสบ และอาการแพ้อื่น ๆ ที่อาจส่งผลอันตรายต่อชีวิต 
    • สวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตา สามารถป้องกันเยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อได้จากการทำกิจกรรมทางน้ำหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่อาจมีสิ่งแปลกปลอมกระเด็นเข้าดวงตาป้องกันอันตรายที่อาจได้รับ นอกเหนือจากการอักเสบและติดเชื้อ

    ข้อสรุปของเยื่อบุตาอักเสบ

    โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง เกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และโรคภูมิแพ้ โดยมีอาการตาแดง เปลือกตาบวม มีขี้ตาเหนียว ตาแฉะ ตาสู้แสงไม่ได้ แตกต่างกันไปตามสาเหตุการเกิด 

    ทั้งนี้ควรเข้าพบแพทย์ รับการวินิจฉัยสาเหตุ อาการ เพื่อรับการรักษาเยื่อบุตาอักเสบได้อย่างตรงจุด รวมถึงใครที่มีอาการมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไปหรือมีตาอักเสบ รุนแรง ควรเข้ารับการตรวจหาความผิดปกติทันที