แม้ว่าปัญหาถุงใต้ตาจะไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น แต่ก็ส่งผลอย่างยิ่งต่อภาพลักษณ์ของผู้ที่มีปัญหานี้ ทั้งใต้ตาที่นูนออกมา ผิวหนังรอบดวงตาที่หย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัย ซึ่งถุงใต้ตาพบได้ในทุกวัย ไม่ใช่แค่เฉพาะในผู้สูงอายุ โดยมีวิธีรักษาทั้งการรักษาด้วยตนเองและการทำหัตถการกับจักษุแพทย์ ซึ่งวิธีการรักษารวมถึงเทคนิคที่ใช้ก็จะแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของปัญหาในแต่ละบุคคล
ถุงใต้ตา คืออะไร
ถุงใต้ตา (Eye Bags หรือ Bags under Eyes) คือ ไขมันใต้ตาที่มีลักษณะนูนออกมาเป็นถุง จึงดูเหมือนใต้ตาบวม ซึ่งในผู้สูงอายุ ถุงใต้ตาจะมีความหย่อนคล้อยร่วมด้วย ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ อาจมีใต้ตาสีดำคล้ำ ซึ่งเกิดจากการที่เส้นเลือดใต้ตาขยายใหญ่ขึ้นและการขยี้ตาบ่อย ๆ เพราะรู้สึกคันตา
ถุงใต้ตากับดอลลี่อาย (Dolly eye) ต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างระหว่างถุงใต้ตา และดอลลี่อาย คือ ถุงใต้ตา เป็นก้อนไขมัน และของเหลวที่สะสมจนใต้ตาบวมนูนออกมา ทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนเพลีย แก่กว่าวัย แต่ดอลลี่อาย เป็นกล้ามเนื้อที่ขอบตาล่าง สามารถสังเกตเห็นได้ชัดในตอนที่ยิ้ม ซึ่งทำให้หน้าดูเด็ก อ่อนเยาว์ อย่างไรก็ตาม หากมีดอลลี่อายขนาดใหญ่เกินไป อาจดูเหมือนมีถุงใต้ตาได้
ถุงใต้ตา มีกี่ประเภท
ถุงใต้ตาแบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่ ถุงใต้ตาแท้ และถุงใต้ตาเทียม โดยความแตกต่างหลัก ๆ ของถุงใต้ตาสองประเภทนี้ คือ สาเหตุการเกิด
ถุงใต้ตาแท้
ถุงใต้ตาแท้ มักเกิดจากปัญหาทางกาย ยกตัวอย่างเช่น การทำงานที่ผิดปกติของต่อมไร้ท่อที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันใต้ตา และของเหลว รวมถึงปัจจัยเกี่ยวกับพันธุกรรม อายุ และโรคประจำตัว
ถุงใต้ตาเทียม
ส่วนถุงใต้ตาเทียม มักเกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเราที่ทำให้ถุงใต้ตาบวม หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาจช่วยลดถุงใต้ตาได้
ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร
ถุงใต้ตา เกิดจากอะไร ? ถุงใต้ตา เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
- กรรมพันธุ์
ผู้ที่คนในครอบครัวมีถุงใต้ตานูนออกมามากกว่าปกติ จะสามารถมีถุงใต้ตาได้ตั้งแต่เกิด
- ผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ
การมีโรคทางกาย สามารถก่อให้เกิดลักษณะใต้ตาบวมได้ ไม่ว่าจะเป็นถุงใต้ตาบวม โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ เนื่องจากโรคบางชนิด อาจมีผลต่อระบบน้ำเหลืองหรือของเหลวภายในร่างกาย
- โรคภูมิแพ้
เมื่อมีอาการภูมิแพ้กำเริบ จะทำให้ไขมันและของเหลวบริเวณใต้ตาเกิดการคั่ง ถุงใต้ตาจึงบวมและนูนออกมา นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นภูมิแพ้และมีอาการคันตา มักจะมีพฤติกรรมที่ชอบขยี้ตาแรง ๆ ทำให้เส้นเลือดใต้ตาขยายใหญ่ขึ้น จึงมีใต้ตาสีดำคล้ำ
- อายุ
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นจะทำให้ไขมันที่อยู่ใต้ตาค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติรวมถึงผนังกั้นไขมันและเส้นเอ็นที่ช่วยพยุงไขมันใต้ตาอ่อนแรงลง ทำให้ไขมันที่เหลืออยู่ไหลลงมากองรวมกันเป็นถุงใต้ตา ประกอบกับผิวหนังรอบดวงตาที่หย่อนคล้อยลงตามวัย ทำให้ถุงใต้ตามีลักษณะห้อยลงมา จึงมักพบในผู้สูงอายุ
- พฤติกรรม
พฤติกรรมที่ทำให้ไขมันและของเหลวไหลมาสะสมหรือคั่งอยู่บริเวณใต้ตา ได้แก่ การใช้สายตาอย่างหนัก และติดต่อกันเป็นเวลานาน การใช้เครื่องสำอางหรือคอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสม การพักผ่อนและดื่มน้ำไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารรสเค็มจัด การร้องไห้อย่างหนัก การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอลล์เป็นประจำ รวมถึงการที่ดวงตาสัมผัสกับสิ่งที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
ถุงใต้ตาบวมข้างเดียว เกิดจากอะไร
ทำไมถุงใต้ตาไม่เท่ากัน ถุงใต้ตาบวมข้างเดียว ? อาการถุงใต้ตาบวมข้างเดียว เกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นจากโรคภูมิแพ้หรือการแพ้ต่อสิ่งต่าง ๆ เช่น เครื่องสำอาง คอนแทคเลนส์, การรับประทานอาหารโซเดียมสูง, พฤติกรรมสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการได้รับอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บบริเวณรอบดวงตา
วิธีรักษาแก้ไขถุงใต้ตา
วิธีแก้ไขถุงใต้ตา สามารถทำได้ด้วยตนเอง และทำโดยแพทย์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละคน
วิธีลดถุงใต้ตาแบบธรรมชาติ
สำหรับวิธีลดถุงใต้ตาเทียมที่เกิดจากพฤติกรรม สามารถรักษาด้วยตนเองได้โดยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
- นำแตงกวาแช่เย็นที่ผ่านการล้างจนสะอาดมาหั่นเป็นแว่น และวางประคบที่ดวงตาประมาณ 10 – 15 นาที
- ใช้ถุงชาที่ผ่านการแช่น้ำอุ่นวางประคบที่ดวงตาประมาณ 10 – 15 นาที
- ละลายเกลือครึ่งช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่น จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำเกลือแล้วประคบที่ดวงตาประมาณ 5 – 10 นาที แล้วล้างออก
- ทาไข่ขาวบริเวณถุงใต้ตาทิ้งไว้ประมาณ 20 – 30 นาที จนรู้สึกแห้งตึง แล้วจึงล้างออก
- นวดบริเวณใต้ตาโดยใช้นิ้วกลางลากจากตรงกลางออกไปทางหางตา และใช้นิ้วนางลากกลับไปทางหัวตา ทำซ้ำ ๆ อย่างน้อย 5 ครั้ง
- ทานยารักษาโรคภูมิแพ้และหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้
วิธีลดถุงใต้ตาโดยแพทย์
วิธีแก้ถุงใต้ตาโดยแพทย์ สามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
- ผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าถุงใต้ตา เป็นการผ่าตัดเอาถุงไขมันใต้ตาร่วมกับการตัดหนังตาส่วนเกินออก โดยจักษุแพทย์จะทำการกรีดบริเวณขอบตาล่าง เพื่อตัดหนังส่วนเกินและเอาไขมันออก จากนั้นจึงจัดเรียงไขมันบริเวณใต้ตาใหม่ ทั้งนี้ อาจมีการเย็บเอ็นตาล่างเพื่อช่วยให้หนังที่หย่อนคล้อยกลับมาตึงขึ้นและป้องกันตาแบะออกในอนาคต โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของจักษุแพทย์
ข้อดี: เหมาะสำหรับผู้ที่มีถุงใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ๆ แผลผ่าตัดอยู่ชิดขอบขนตาล่าง จึงทำให้มองเห็นแผลไม่ค่อยชัด มีโอกาสเกิดเป็นรอยแผลเป็นน้อย
ข้อเสีย: เกิดการบวมมากกว่าวิธีการดูดไขมัน เพราะมีการตัดหนังตาออกด้วย แต่จะช่วยแก้ไขปัญหาในผู้ที่มีถุงใต้ตาหย่อนคล้อยได้ดี
- ดูดไขมันถุงใต้ตา
การดูดไขมันถุงใต้ตา เป็นการรักษาถุงใต้ตาโดยการผ่าตัด ซึ่งจักษุแพทย์จะทำการประเมินขนาดของถุงไขมันใต้ตา และวาดร่างเป็นเส้น จากนั้นจึงหยอดยาชา ใส่ที่ครอบกระจกตา และฉีดยาชาที่ด้านในเปลือกตาล่าง กรีดเปิดด้านในเปลือกตาให้เป็นแผลเล็ก ๆ และใช้เครื่องมือดูดไขมันออกมา จะช่วยทำให้ถุงใต้ตาที่นูนยุบลงไป
ข้อดี: การผ่าตัด และดูดไขมันที่ inZ Hospital บวมช้ำน้อย ไม่เห็นรอยแผล ไม่ต้องเย็บแผล ไม่ต้องตัดไหม สามารถใช้ชีวิตต่อได้ตามปกติ และที่สำคัญคือเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
ข้อเสีย: การผ่าตัดด้วยเทคนิคดูดไขมัน ไม่ได้ช่วยในเรื่องปัญหาใต้ตาหย่อนคล้อย
- เครื่องมือทางการแพทย์
โปรแกรม New Thermage Eye Reju เป็นวิธีแก้ถุงใต้ตาด้วยเทคโนโลยียกกระชับ และบำรุงผิวรอบดวงตา เพราะการทำโปรแกรม New Thermage Eye Reju จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวบริเวณรอบดวงตา ทำให้ผิวใต้ตาดูกระชับและเรียบเนียนมากขึ้น
ข้อดี: ไม่มีผลข้างเคียง และไม่ต้องผ่าตัด
ข้อเสีย: ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 1 – 2 ปี จะต้องกลับมาทำซ้ำในอนาคต
ภาพตัวอย่างรีวิวดูดไขมันถุงใต้ตา
ข้อสรุปเกี่ยวกับถุงใต้ตา
ถุงใต้ตาเป็นปัญหาที่พบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งจะทำให้ใบหน้าดูโทรม อ่อนล้า ดูมีอายุ และขาดความมั่นใจ ถุงใต้ตาเทียมสามารถรักษาด้วยตนเองได้ แต่ถุงใต้ตาแท้ควรทำการรักษากับจักษุแพทย์ เพื่อให้สามารถกำจัดต้นตอที่แท้จริงของปัญหา รักษาได้อย่างตรงจุด ไม่ทำให้ถุงไขมันใต้ตากลับมาอีก รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
inZ Hospital เรามีความพร้อมในการรักษาทุกด้าน ทั้งจักษุแพทย์ อุปกรณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัย บุคลากรและสถานที่ที่พร้อมให้บริการคนไข้ทุกคน ที่สำคัญ คือ เทคนิคการรักษาพิเศษที่จะทำให้เกิดอาการบวมช้ำน้อยมากและแทบไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น