เชื่อว่า ทุกคนคงเคยประสบปัญหาตาแห้งกันมาไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่สามารถเกิดอาการตาแห้งได้ และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่หากไม่ดูแลรักษาหรือป้องกัน ปล่อยให้อาการตาแห้งเกิดขึ้น และคงอยู่ไปเรื่อย ๆ อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาของเรามากกว่าที่คิด ดังนั้น การหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ เพื่อรักษาสุขภาพดวงตาของเรา จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ตาแห้ง คืออะไร
ตาแห้ง คือ โรคตาที่เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของต่อมน้ำตา ทำให้ปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงลูกตา น้ำตามีคุณภาพลดลง หรือมีการระเหยของน้ำตามากเกินไป จนส่งผลให้เกิดอาการไม่สบายตาขึ้น โดยโรคตาแห้ง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย เมื่อเกิดอาการตาแห้งที่ดูเหมือนเป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการรักษา อาจส่งผลอันตรายต่อการมองเห็น
ลักษณะอาการตาแห้ง
โรคตาแห้ง อาการเป็นอย่างไร ? เมื่อมีอาการตาแห้ง สามารถสังเกตลักษณะอาการที่เกิดขึ้นได้ ดังต่อไปนี้
- ระคายเคืองตา ตามัว
- ตาสู้แสงไม่ได้ แสบตา
- รู้สึกเหมือนมีทรายหรือสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา
- น้ำตาไหลมากผิดปกติ ขี้ตาหนืด
- ไม่สบายตาหลังตื่นนอน
- ตาขาวแดงเรื่อ ๆ จากการอักเสบ
ตาแห้งเกิดจากอะไร
ตาแห้ง เกิดจากอะไร ? สาเหตุของอาการตาแห้ง สามารถแบ่งออกได้หลักๆ 2 กลุ่มด้วยกัน
การที่น้ำตาระเหยเร็วเนื่องจากมีคุณสมบัติผิดปกติ (Evaporative Dry Eyes)
ตาแห้งจากการที่น้ำตาระเหยเร็วเนื่องจากมีคุณสมบัติผิดปกติ จากที่ต่อมไขมันไมโบเมียนทำงานผิดปกติไป ส่งผลต่อคุณภาพน้ำตา และปริมาณไขมันในชั้นไขมันของฟิล์มน้ำตา สาเหตุที่ทำให้น้ำตาระเหยเร็ว เช่น ต่อมไขมันอุดตันบริเวณขอบเปลือกตา, การโดนสารเคมี รวมถึงการใช้สายตามากเกินไป หรือจ้องหน้าจอสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นระยะเวลานาน
การสร้างน้ำตาน้อยกว่าปกติ (Aqueous Tear Deficiency)
ตาแห้งจากการสร้างน้ำตาน้อยกว่าปกติ สามารถเกิดได้จากทั้งระบบภูมิต้านทานผิดปกติหรือกลุ่มอาการ Sjogren’s Syndrome จากทั้งที่เกิดจากกลุ่มโรคข้อ (Secondary Sjogren’s syndrome ) หรือ ไม่พบสาเหตุนำ (Primary Sjogren’s syndrome), ต่อมน้ำตาอักเสบหรือทำงานผิดปกติแต่กำเนิด , การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในเพศหญิง ซึ่งส่งผลต่อปริมาณ และคุณภาพของน้ำตา รวมถึงการใช้ยาบางประเภท เช่น ยาโรคซึมเศร้า ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต
อาการแทรกซ้อนเมื่อมีอาการตาแห้ง
เมื่อเกิดอาการตาแห้งหรือปล่อยอาการตาแห้งไว้ โดยไม่รับการรักษา สามารถก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น แสบตา น้ำตาไหล ขอบเปลือกตาอักเสบเรื้อรังจนมีขนตาทิ่ม เยื่อบุตาอักเสบ มีการอักเสบที่ผิวกระจกตา มีแผลที่กระจกตาหรือกระจกตาถลอก จนถึงมีการติดเชื้อที่กระจกตาได้
การติดเชื้อ
โดยปกติแล้ว น้ำตามีหน้าที่ในการคงความชุ่มชื้น และป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ดวงตา ทำให้เมื่อมีอาการตาแห้ง อาจทำให้ดวงตาเกิดการระคายเคือง และติดเชื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ตาอักเสบ
โรคตาแห้ง สามารถก่อให้เกิดอาการตาอักเสบได้ หากปล่อยให้อาการพัฒนาความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รับการรักษา ทางที่ดี เมื่อมีอาการ ไม่ว่าจะเป็นเคืองตา ตาสู้แสงไม่ได้ แสบตาหรืออาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงโรคตาแห้ง ควรรีบบรรเทาอาการหรือรับการรักษาก่อนเป็นอันตรายต่อดวงตา และการมองเห็น
ขนตาทิ่มตา
เมื่อมีอาการตาแห้ง เปลือกตาจะถูกดึงรั้ง ทำให้เกิดภาวะขนตาทิ่มตา ซึ่งภาวะขนตาทิ่มตา หากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายต่อกระจกตา และการมองเห็น เนื่องจากขนตาเข้าไปเสียดสีผิวกระจกตาจนเกิดแผล
การตรวจวินิจฉัยอาการตาแห้ง
การตรวจวินิจฉัยอาการตาแห้ง จักษุแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ สอบถามข้อมูลต่าง ๆ ที่สามารถประเมินถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการตาแห้ง และดำเนินการตรวจสุขภาพตา เช่น ตรวจวัดความเข้มข้นของน้ำตา ตรวจปริมาณ และคุณภาพน้ำตา เป็นต้น
แนวทางการรักษาอาการตาแห้ง
โรคตาแห้ง รักษาได้อย่างไร ? วิธีแก้ตาแห้งหรือวิธีรักษาอาการตาแห้งแตกต่างกันไปตามสาเหตุการเกิด ในเบื้องต้นหากมีอาการตาแห้งที่ไม่รุนแรงมาก สามารถบรรเทาด้วยการใช้น้ำตาเทียม การประคบอุ่น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยก่อให้เกิดอาการตาแห้งแสบตา เช่น ไม่ใส่คอนแทคเลนส์นานเกิน 8 ชั่วโมง ไม่จ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน โดยไม่พักสายตา
หากอาการตาแห้งอยู่ในระดับที่รุนแรง ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการรักษา อาจมีการใช้ยาที่มีคุณสมบัติช่วยในการผลิตน้ำตาให้มากขึ้น รวมถึงอาจมีการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ลดการอักเสบ แต่การใช้ยากลุ่มนี้ ไม่สามารถใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น
วิธีการป้องกันอาการตาแห้ง
โรคตาแห้ง สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการ ไม่ว่าจะเป็น
- พักสายตาหรือกะพริบตาอยู่เสมอ
เมื่อทำงานที่ต้องใช้สายตาหรือต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เป็นระยะเวลานาน ดูโทรศัพท์แล้วแสบตา ควรหมั่นพักสายตาเป็นระยะ ด้วยการมองไปยังที่ไกล ๆ ประมาณ 20 ฟุต ทุก ๆ 20 นาที ครั้งละ 20 วินาทีหรือที่รู้จักกันในชื่อ กฎ 20-20-20 และคอยกะพริบตาอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ผิวตามีน้ำตาหล่อเลี้ยงอยู่ตลอด ลดโอกาสการเกิดตาแห้ง แสบตา
- ไม่ใส่คอนแทคเลนส์นานจนเกินไป
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ใครหลายคนเกิดอาการตาแห้ง คือ การใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากเมื่อเราใส่คอนแทคเลนส์ ออกซิเจนที่ถูกลำเลียงไปเลี้ยงดวงตาจะลดน้อยลง จึงไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หากมีอาการตาแห้ง ควรหยอดน้ำตาเทียม เพื่อคงความชุ่มชื้นให้กับดวงตา
- ป้องกันดวงตาจากลม และฝุ่นควัน
การออกที่แจ้งหรือพื้นที่ที่มีลมแรง ฝุ่นควันหนาแน่น ควรสวมแว่นตากันแดดหรือกันลม เพื่อป้องกันดวงตาจากการเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นโดยตรง
- ดูแลสุขภาพดวงตา
ดูแลสุขภาพดวงตา ด้วยการเลือกรับประทานอาหารบำรุง จะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการตาแห้งได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารจำพวกโอเมก้า 3 วิตามินเอและซี รวมถึงหลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินพอดี เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการขาดน้ำ
ประคบอุ่นที่ตา ทำความสะอาดขอบเปลือกตา เพื่อกำจัดเชื้อโรค และสิ่งสกปรกที่อุดตันท่อไขมันขอบเปลือกตา ไม่ให้เกิดเป็นภาวะขอบเปลือกตาอักเสบเรื้อรัง
- งดการสูบบุหรี่
บุหรี่มีสารที่ส่งผลกระทบต่อชั้นไขมันภายในเปลือกตา ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันการระเหยของน้ำตา การงดสูบบุหรี่ จึงช่วยป้องกันการเกิดอาการตาแห้งได้ รวมถึงเป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย
ข้อสรุปโรคตาแห้ง
ตาแห้ง เป็นโรคที่สามารถเกิดได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ตาแดง น้ำตาไหลผิดปกติ รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในดวงตา แตกต่างกันไปตามความรุนแรง หากมีอาการไม่มาก สามารถบรรเทาด้วยการหยอดน้ำตาเทียม แต่ในกรณีที่อยู่ในระดับรุนแรง ควรเข้าพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาตาแห้งก่อนจะเป็นอันตรายต่อการมองเห็น สามารถป้องกันอาการตาแห้งได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น พักสายตาเป็นระยะ งดสูบบุหรี่ ไม่ใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไป
เอกสารอ้างอิง
Dry Eye. (n.d.). clevelandclinic.
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/24479-dry-eye
Kierstan Boyd. (2024 May, 22). What Is Dry Eye? Symptoms, Causes and Treatment. AMERICAN ACADEMY OF OPHTHALMOLOGY.
https://www.aao.org/eye-health/diseases/what-is-dry-eye