“ต้อกระจก” เป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดความขุ่นขึ้นมาในเลนส์ตา เกิดจากความเสื่อมตามวัย จึงพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ นอกจากปัจจัยด้านอายุแล้ว การได้รับรังสียูวีเป็นเวลานาน ๆ โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน การรับประทานยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน หรืออุบัติเหตุทางตา ก็มีส่วนทำให้เกิดภาวะต้อกระจกขึ้นมาได้
เมื่อต้อกระจกเป็นมากขึ้น คือมีความขุ่นมากขึ้นในเลนส์ตาธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น วิธีการรักษาจะเป็นการผ่าตัด และใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปทดแทน
เรียกได้ว่าเลนส์ตาเทียม เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาสายตา สำหรับผู้ที่มีปัญหาการมองเห็นไม่ชัดเจนเนื่องจากการเป็นต้อกระจก ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นชัดเจนขึ้นเหมือนเดิม
เลนส์ตาเทียม คืออะไร มีกี่แบบ ?
เลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lens) คือวัสดุที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใส่เข้าไปในตา ทำหน้าที่หักเหแสง คล้ายกับเลนส์ตาธรรมชาติ ใช้ในการรักษาโรคต้อกระจก และยังสามารถแก้ไขค่าสายตาผิดปกติร่วมด้วย เดิมเลนส์ตาเทียม จะมี 2 แบบ คือ
- เลนส์ตาเทียมชนิดแข็ง เป็นชนิดแรกๆ ที่เริ่มใช้ในการรักษา ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5.0 ถึง 6.5 มิลลิเมตร จึงมักใช้สำหรับการผ่าตัดต้อกระจกแผลใหญ่
- เลนส์ตาเทียมชนิดนิ่ม เป็นเลนส์ที่สามารถพับได้ มีความนิ่ม จึงสามารถผ่าตัดเป็นแบบแผลเล็กขนาด 3 มม.ได้ ไม่จำเป็นต้องเปิดแผลใหญ่ เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
เลนส์ตาเทียมกับประโยชน์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โดยในปัจจุบันมีการพัฒนาเลนส์แก้วตาเทียมให้มีประสิทธิภาพจนสามารถใช้ทดแทนกับเลนส์ตาธรรมชาติได้สมจริงมากที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่จะรักษาโรคต้อกระจก ยังมีการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา เพื่อรักษาปัญหาโรคตา จากค่าสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง ซึ่งเลนส์ตาเทียม
ก็จะทำหน้าที่รวมแสง แก้ไขค่าสายตา ให้ผู้ป่วยสามารถกลับมามองเห็นชัดเจนได้ยิ่งขึ้น
เลนส์ตาเทียม มีกี่ชนิด แบบไหนเหมาะเหมาะกับคุณ ?
ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีของเลนส์ตาเทียม ที่ใช้แก้ปัญหาสายตานั้นมีความก้าวหน้าอย่างมาก เพราะจะเห็นได้ว่ามีเลนส์ตาเทียมให้เลือกหลากหลายชนิด โดยแบ่งตามระยะโฟกัส และการแก้ไขปัญหาสายตา
การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม จำเป็นที่จะต้องเลือกเลนส์ให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ป่วย เมื่อแบ่งเลนส์ตาเทียมตามระยะโฟกัส จึงแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้
1. เลนส์ตาเทียมชนิดโฟกัสระยะเดียว (Monofocal IOLs)
เลนส์ตาเทียม ชนิดโฟกัสระยะเดียว เป็นเลนส์แบบเริ่มต้นที่ใช้กันมายาวนาน ถึง 30 ปี ระยะโฟกัสมีระยะเดียว คือ “ระยะไกล” จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “เลนส์ระยะไกล” นั่นเอง เนื่องจากเลนส์ตาเทียมชนิดนี้ มองเห็นชัดได้เกิน 5-6 เมตร แต่หากมองสิ่งของในระยะใกล้ เช่น การมองมือถือ หรือการอ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ จะไม่คมชัด จำเป็นที่จะต้องใช้แว่นสายตาช่วยนั่นเอง
ข้อดีของ Monofocal IOLs คือราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับชนิดอื่น และไม่ค่อยเกิดภาวะ แสงฟุ้ง (Glare) หรือ วงรอบดวงไฟ (Halo) โดยเฉพาะเมื่อขับรถกลางคืน ภาพที่เห็นในระยะไกลคมชัดกว่า เมื่อเทียบกับ Multifocal IOLs และยังเหมาะคนที่เป็นต้อกระจกร่วมกับมีปัญหาโรคทางตาอื่น ๆ
2. เลนส์ตาเทียมชนิดโฟกัสหลายระยะ (Multifocal IOLs)
เป็นเลนส์ตาเทียม ที่มีการพัฒนาขึ้นจากเลนส์โฟกัสระยะเดียว ทำให้สามารถโฟกัสได้หลายระยะ เมื่อมองด้วยตาเปล่า ดังนั้นไม่ว่าผู้ป่วยจะทำกิจกรรมประเภทใด ทั้งการอ่านหนังสือ ใช้คอมพิวเตอร์ ขับรถ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ล้วนตอบโจทย์มากกว่า
นอกจากนี้เลนส์โฟกัสหลายระยะยังแบ่งย่อย ออกเป็น 3 ประเภทคือ
- ชนิดโฟกัสสองระยะ (Bifocal IOLs) เน้นโฟกัสที่ระยะไกล และระยะใกล้ ไม่ได้ช่วยในระยะกลาง หรือระยะที่ใช้คอมพิวเตอร์
- ชนิดโฟกัสสามระยะ (Trifocal IOLs) สามารถโฟกัสได้ทั้งระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล
- ชนิดโฟกัสยืด (Extended Depth of Focus : EDOF) เป็นเลนส์ที่อยู่ระหว่าง Monofocal IOLs กับ Multifocal IOLs จากที่ช่วงระยะโฟกัสของเลนส์ถูกยืดออกให้กว้างขึ้น จนเลนส์สามารถโฟกัสได้เกือบเท่า Bifocal IOLs
ข้อดีของ Multifocal IOLs คือลดการพึ่งพาแว่นสายตา แต่ข้อเสียคือราคาแพง และมีโอกาสเกิดแสงฟุ้ง หรือวงรอบดวงไฟมากกว่า ทำให้เกิดปัญหาเวลาขับรถกลางคืนได้ นอกจากนี้ไม่เหมาะในคนที่คาดหวังว่าต้องมองภาพในระยะไกลได้คมชัดมาก
3. เลนส์ตาเทียมแก้ไขสายตาเอียง (Toric IOLs)
สำหรับเลนส์ตาเทียมแก้ไขสายตาเอียง (Toric IOLs) เป็นเลนส์ที่ใช้สำหรับแก้สายตาเอียง กรณีที่ที่เกิดจากความโค้งกระจกตาไม่เท่ากัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาเอียง มากกว่า 1 Diopter ซึ่งการเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมชนิดนี้ จะช่วยทำให้การหักเหของแสงที่กระจกตารวมเป็นจุดเดียว จึงสามารถแก้ไขปัญหาสายตาเอียง ให้ผู้ป่วยกลับมาเห็นภาพได้คมชัดขึ้น โดยที่เลนส์แก้ไขสายตาเอียงจะมีทั้งแบบ โฟกัสระยะเดียว (Monofocal Toric) และ โฟกัสหลายระยะ (Multifocal Toric)
ข้อดี และข้อจำกัด ของการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม
ก่อนตัดสินใจผ่าตัดใส่เลนส์ตาเทียม ผู้ป่วยควรรู้ข้อดีและข้อจำกัดของเลนส์ตาเทียม
ซึ่งประกอบไปด้วย
ข้อดี
- แผลผ่าตัดที่มีขนาดเล็กมาก
- เลนส์ตาเทียมสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ขุ่นมัว
- สามารถแก้ไขค่าสายตาได้ ทั้งสั้น ยาว เอียง จากการผ่าตัดเพียงครั้งเดียว
- พึ่งพาการใส่แว่นสายตาลดลง เพราะช่วยแก้ไขปัญหาสายตาให้กลับมาใกล้เคียงสายตาปกติ
- เลนส์ตาเทียมทำจากวัสดุทางการแพทย์ เข้ากับเนื้อเยื่อบริเวณดวงตาได้โดยไม่ต่อต้าน ไม่เกิดการแพ้
ข้อจำกัด
- ผู้ที่ผ่าตัดด้วยเลนส์ตาเทียมแบบระยะเดียว จำเป็นที่จะต้องใช้แว่นสายตายาวช่วยในการมองระยะใกล้
- การปรับระยะโฟกัสของเลนส์ตาไม่สามารถทำได้เหมือนกับเลนส์ตาปกติ อาจมองเห็นบางระยะที่ไม่คมชัดบ้าง ขึ้นกับชนิดของเลนส์ที่เลือกใส่เข้าไปในตา
- หากผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมแค่ข้างเดียว หรือผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาต้อกระจก 2 ข้างชนิดต่างกัน อาจทำให้ไม่ชินกับการมองเห็น หรือการมองเห็นที่เพี้ยนไป
สรุปการเปลี่ยนเลนส์ตาเทียมจำเป็นหรือไม่ ?
ในปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นมาก จนสามารถผลิตเลนส์ตาเทียมมาเทียบเคียงเลนส์ตาธรรมชาติ การเปลี่ยนเลนส์ตาเทียม ในผู้ป่วยที่เป็นโรคต้อกระจก หรือผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาสายตาผิดปกติ ไม่ว่าจากสายตาสั้น ยาว เอียง จึงไม่ได้เป็นเรื่องยากอีกต่อไป เลนส์ตาเทียมเป็นตัวช่วยและทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาสายตา ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผู้ป่วยที่มีปัญหาสายตาจากต้อกระจก หากมีความสนใจแนะนำเข้ามารับคำปรึกษาจากจักษุแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ป่วยเอง
เอกสารอ้างอิง
อังกฤษ Arthi Mohankumar; Sashwanthi Mohan. (2023, July 3). National Library of Medicine. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK592396/